Thursday, April 19, 2012

หลังจาก ขึ้นๆ ลงๆ ทำสักที

   จากความตอนที่แล้ว ขึ้นๆ ลงๆ ทำอะไรดี ผมก็เข้าไปลงทุนในกองทุนรวม Index สะเลย ผล วันรุ่งขึ้น ไม่เห็น รุ่งเลย ลงติดต่อกันจน ใจหาย เห็นไหมครับ สิ่งที่เราอ่านมา ศึกษามาไม่ได้ผลเลย เจอเข้าจริง ก็รวน ออกทาง รวนเร ถ้าสาวมารู้ตอนนี้ แย่เลยหาว่าเป็น คน รวนเร ส่วนนี้คงยังต้องศึกษาอีกเยอะ ฝึกอีกเยอะ หวังว่าคงเก่งขึ้น ในเร็ววัน มีเงินทันใช้..
    กองทุนที่ลง เป็นกองทุนหุ้นครับ ก็เหมือนหุ้น เลยนะครับ เพราะ ตลาดลง มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV)ก็ลงตาม  แต่ก็เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ ดีครับ คิดหรือเห็น อะไรแล้วไม่มั่นใจ ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน ก็ซื้อกองทุน ดัชนี แล้วก็ลุ้นให้ขึ้น แต่การลงทุนผ่านกองทุนรวม เดี๋ยวนี้ดีนะครับ มีผู้บริหารเก่งๆ ช่วยดูแล และยังมี หน่วยงานบางหน่วยงานมา ทำ Rating มี ดาว ให้รางวัล แต่ส่วนใหญ่เราจะรู้ตอน เค้าประกาศ ผลแล้วละครับ แย่จัง เหมือนรู้ตอนหวยออกแล้ว ไปทำอะไรอยู่ ก็เป็นลูกจ้างเค้าไม่ค่อยมีเวลา ...เหตุผลจริงก็คือ...ตลาดหุ้น บวกมาหลายวันครับ ..เลยเกิดอารมณ์ พาไป ..ถ้าขึ้นต่อก็ดี ไป ถ้าไม่ขึ้น ก็คงเป็นนักลงทุนระยะยาว
  ผมเห็นเค้าเตือนว่า ผลตอบแทนในอดีต ไม่ใช่ผลตอบแทนในอนาคต  โอ๋..คราวนี้ แล้วเราจะทำยังงัยดี ในฐานะคนมีความรู้น้อย ไม่มีข้อมูล ไม่ได้ศึกษา จะเชื่อกองทุนติดดาวได้ไหมนี่  ทำไมไม่มีใคร ฟันธง..  เพราะเค้ากลัวงัยครับ กลัวฟันผิด แล้วมีคนไปด่า เค้าเอา แต่ดีแล้วครับ เพราะเรื่องเงิน เรื่องทอง เชื่อคนอื่นยากๆดีแล้วครับ
 โดยส่วนตัวสำหรับท่านที่ไม่ค่อย ได้ติดตามข่างสารการลงทุน แต่อยากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก ก็ฟันธงเลย ครับ ให้ ซื้อ กองทุนหุ้น ที่ ก็เลือกกองที่มีผลตอบแทน ย้อยหลัง เฉลี่ย ติดดาวไว้ก่อน เพราะอย่างน้อย เรา ก็มีคนช่วยทำข้อมูล สแกนมาแล้ว ระดับหนึ่ง แต่ขอเตือนนะครับ ว่า Maketing Timing หรือ จังหวะที่เราจะเข้าซื้อ นี่ละ สำคัญสุด อย่างน้อยก็ต้อง "เห็นภาพใหญ่ " ให้ชัดก่อนนะครับ ขอยืมคำ อาจารย์ นิเวศน์ มาอีกแล้ว เพราะเราซื้อก็ต้องมองเห็นว่าภาพใหญ่ ตลาดยังบวกต่อ ถ้าเห็นเงา ลบเยอะๆ ตั้งเค้ามา ก็รอดีกว่า ส่วน จังหวะเข้าทำ นั้น ตอนไหน อันนี้ ยังหาคำตอบเองไม่เจอเลยครับ ส่วนตัวยัง ว้าวุ่นอยู่ครับ  แต่ใช้วิธีการ หยอด  ก็ค่อยๆ หยอดลงทีละไม้ แบ่งเงินลงทุนเป็น ไม้ๆ สัก 10 ไม้ ค่อยๆหยอด จนเกิดความมั่นใจ แล้ว ค่อย"ตีแตก"ครับ
   "คณะบดี Warren Buffet บอกว่า มองการลงทุนเหมือนการทิ้งไพ่ ให้เราคิดว่า ในชีวิตเรามีไพ่แค่  7 ใบ คือ มีเงินลงทุนลงได้ 7 ครั้ง เพราะฉะนั้นไม่จำเป้นต้องรีบครับ"

 ขอฝาก Link ข้างล่างลองเข้าไปดูนะครับถ้ามีกองไหน น่าสนบอกด้วยครับ

ข้อมุลเปรียบเทียบผลตอบแทน โดย Morning Star ขอบคุณมากครับที่ มาทำให้คนไทย

http://tools.morningstarthailand.com/th/fundscreener/results.aspx?Site=th&Universe=FONLD%24%24ALL&Rating=0%7c0%7c0%7c0%7c1&LanguageId=th-TH

Monday, April 9, 2012

ขึ้นๆ ลงๆ ทำอะไรดี

ผมเห็นตลาดขึ้นๆ ลงๆ เวลาลงก็ไม่กล้าซื้อ พอขึ้น ก็ไม่ซื้อ ขึ้นอีก ชักอยากซื้อ
จากที่ได้ตั้งเป้าไว้ ผมก็เลยสนใจ ตลาดหุ้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นทางที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ แต่ที่หาความรู้มาเป็นระยะๆไม่ปะติดปะต่อ เลยยังหาคำว่า "Timing" ไม่เจอ เลยใช้ใจอย่างเดียว แต่ที่รอดมาได้เพราะเป็น ตลาดขาขึ้น ซื้อยังงัยก็รอด.. ยังมีกำไรอยู่ แต่คิดว่าถ้าเจอวิกฤต คงเสร็จแน่
ว่าแล้วก็จัดเลย ซื้อเข้าไปวันที่ 5 ไม่สนละใจอยากซื้อ เห็นเช้าลบ บ่ายจัดหนัก ตามสูตร ซื้อตอนย่อ เดี๋ยวรอดูกัน วันที่ 10 จะเป็นยังงัย มานั่งตามข่าว มีแต่ข่าวไม่ดี วันที่ 9 ไทย หยุด เอเชียเริ่มกังวล สหรัฐ แปลกใจทำไมต้องมากังวล ตอนเราซื้อ คราวนี้ทำงัยเกมจะเป็นยังงัย
ลืมบอกครับผมลงในกลุ่ม SET 50 ก่อนตัดสินใจไม่อะใรเลยครับ ข่าวก็ไม่ได้อ่าน พื้นฐาน ก็พอรู้ว่า SET PE 12 กว่า รู้ว่าซื้อแล้วขึ้นสัก 5 % ก็โอ..
สรุปคือ ซื้อเพราะใจสั่งมา เดี๋ยวก็รู้ อย่าเลียนแบบนะครับ มีฝรั่งเค้าเขียนไว้ ทำตามที่ฉันบอก อย่าทำตามที่ฉันทำ ่.. เพราะพูดง่ายกว่าทำ งัยครับ และผมต้องฝึกอีกเยอะ แต่เวลาไม่ค่อยมีละสิจะทำยังงัย

กราฟของ SET 5 APR 2012 -15.68 และข้อมูลตลาด เอเชียวันที่ 9 เมษายน

Friday, April 6, 2012

ตั้งเป้า...

เวลาจะออกจากบ้าน เราต้องรู้ว่าจะไปไหน ขืนไม่รู้คงแปลกๆ มีใครเจอ แล้วถามว่าจะไปไหน แล้วตอบว่าไม่รู้ เลื้อยไปเลื่อยๆ เค้าคงว่าเราใช้ชีวิตไม่มีเป้า
จะเป้าเล็ก เป้าใหญ่ก็ขอให้มีไว้ก่อน อย่าน้อยก็ไม่เปลืองทรัพยากร ธรรมชาติ น้ำมันยิ่งแพง เงินยิ่งหายาก การตั้งเป้าคือการดำเนินชีวิตโดยมีเข็มทิศ และยิ่งมีจุดเช็คเป้า บ่อยๆยิ่งดี ทำให้เป้าไม่เคลื่อน แต่จะปรับเป้า ให้เล็ก ใหญ่ ตามความพยายาม
แต่แนะนำให้ทำเป้าใหญ่ๆ และทุ่มเทแรงใจเต็มที่ เคยได้ยินมาว่าให้ตั้งเป้าเล็กๆไว้ จะได้มีกำลังใจ จะมีประโยชน์อะไร ถ้าตั้งเป้าเล็กแล้ว สุดท้ายก็ไม่ทำ ผมชอบหนังสือที่ ดร.นิเวศน์ แปล เล่มหนึ่งครับ ซื้อมาแล้วแต่ยังอ่านไม่จบ แต่คิดว่าแค่ชื่อหนังสือก็ทำให้ผมเหมือนอ่านจบแล้ว ก็ใช้ หลักการ speed reading งัยครับ เลยอ่านแค่ชื่อก็พอ หนังสือชือว่า"คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก" แนะนำให้รีบหามาอ่านครับ จะได้คิดใหญ่
แล้วขอทีนะครับการหลอกตัวเองโดนกำหนดเป้าเล็กๆ เพราะเรามีศักยภาพ เพียงพอทุกคนที่จะเปลี่ยนแปลง โลก ถึงแม้จะไม่ถึงเป้าใหญ่ แต่รับรอง เลยเป้าเล็กแน่นอย
เป้าผม 5 ปี 5 ล้าน แล้วนอนอยู่บ้าน สบาย สบาย

Tuesday, April 3, 2012

Advanc vs Dtac

Post ให้ดูเผื่อจะเกิดความคิด ดีๆครับ บางครั้งต้องใช้ภาพ จะได้คิดต่อได้ ใครคิดอะไรได้ บ้าง ฝากแชร์กันหน่อย ครับ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก
ขอเพิ่มข้อมูลเปรียบเทียบหน่อยครับ

SET 3 APR 2012

Sunday, April 1, 2012

ความรวย กับ ความสำเร็จ

ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ขอนำคำพูดของคุณสมจิตต์ มาหน่อยครับ เพราะชอบ ผมสังเกตุ คุณสมรักษ์ กับคุณสมจิตต์ ทั้ง คู่เป็นนักมวย แต่บุคคลิก ตลก ไม่โหด แต่ทั้งคู่ เหรียญทอง โอลิมปิก นะครับ เลยทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง ว่าอาชีพ โหดๆ เค้าไม่ต้องโหดก็ได้ แต่เค้าจำเป็นต่้อง "ฮา" ไม่งั้นเค้าคงเครียดมาก เลยพอสรุปได้ว่าคนจะประสบความสำเร็จ ต้องครบเครื่อง "โหด มัน ฮา"
บางครั้งเราจริงจัง สะจน เครียด ไม่รู้ตัว เพราะขาดสติ แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ แล้วขาดทุน จนล้มละลายเลย ทุกคนคิดว่าเครียดแล้วจะทำให้ทุกอย่างดี และจะสำเร็จ แต่หารู้ไม่ว่าเราทำร้ายใครไปกี่คน ไม่มีใครไม่อยากสำเร็จ เพราะคิดว่าสำเร็จก็จะรวย เลยพากันเครียดไปหมด บางคนเวลาคุยเรื่องทั่วไป น่าคุยด้วย แต่พอคุยเรื่องงาน น้ำเสียงเปลี่ยนเลย น่าเต.. ที่สุด
เวลาพูดถึงคำว่า ความสำเร็จมักจะวัดผลด้วยความรวย จนบางครั้งรู้สึกว่า เราเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า คำก็รวย สองคำก็รวย แต่ตอนนี้คิดได้ว่า ถ้าเรากลัวคำว่ารวย แต่อยากรวย เราเลยจะกล้าๆกลัวๆ นั่นแหล๋ะ ทำให้เราไม่สำเร็จ
ความรวยจะไม่น่าเกลียด. น่ากลัว ถ้าไม่ปรุงด้วยความโลภเข้าไป เพราะความอยากรวยจะทำให้เรา ตั้งใจทำอย่างกัดไม่ปล่อย แต่ถ้าเรากลัว คำว่ารวย จะทำให้เรา ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เราจะทำๆ หยุดๆ จนทำไม่สำเร็จและสุดท้ายก็เหมือนเดิมหรือแย่ก็เดิม

Saturday, March 31, 2012

3G will come

3G แท้ แท้ ไม่ใก้ลไม่ไกล จากนี้ ต้องมาแน่ เรามาลองคาดคะเน ผลที่จะเกิดขึ้น ตามสไตล์ lifeandinvestment
#มุมมองทางสังคม
ครอบครัว ความสัมพันธ์ จะดีขึ้นถ้าใช้อย่างเข้าอกเข้าใจกัน เพราะขนาด 3 G ช้าๆ เร็วๆ ก็ Skype เห็นหน้ากันชัดแล้ว พ่อ แม่ ลูก คุณตา คุณยาย ไม่ต้องรอวันพิเศษ แล้ว
และความรักของวัยรุ่น ก็คงจะไวเหมือน 3 G หรือเปล่า ในส่วนนี้ ขอให้เป็น low speed แต่คุณภาพ HD ละกัน "ช้าแต่ชัดเจน" ส่วนใครอยากจะครบแต่ตัวปลอมก็ Chat และ Post ต่อไป
ขอ เม้ม หน่อย ทำไมมีเทคโนโลยี ให้เราทำอะไรง่าย แต่น้ำใจกับหายไป
# มุมมองทางเทคโนโลยี
การโทรศัพท์คงจะเปลี่ยนเป็น VDO call มากขึ้น
การเชื่อมต่อ Internet บนมือถือจะลามไปทั่ว ทั้งในเมืองจนถึงทุ่งนา และครอบครัวจะเป็น ครอบครัว 3 G
การโทรศัพท์จะสามารถใช้หน้าตาในการ verify ได้ โดยเฉพาะคุยกับ แก๊ง call center ต้องขอดูหน้าหน่อย อีกหน่อย สาวจะสวยมากขึ้น ใช้เสียงหลอกไม่ได้แล้ว
การเชื่อมต่อ Internet มาสู่ตัวบุคคล เป็นเรื่องง่าย
การตั้งสำนักงานเป็นเรื่องง่าย แค่มีสถานที่ ที่มีสัญญาณ 3 G ไปถึง แต่ต้องมี bandwidth เพียงพอ
การโทรศัพท์ ถ้าใช้ VOIP ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ประหยัดค่าโทร ไปเหมาจ่าย data แทน
การโทรหากันจะมากขึ้น และลูกเล่น จะมากขึ้น
! โลกเป็นของคนไม่หยุดนิ่ง แต่มีความสุขหรือเปล่าไม่รู้ได้ เพราะมาตราฐานความสุขไม่เท่ากัน แต่อะไที่มากเกินไป ก็คงจะเกินพอดี
#มุมมองในการลงทุน
Broadband คงต้องเพิ่ม speed กันใหญ่ ไม่งัย ลูกค้าหายหมด
Customer ที่ใช้ คอมพิวเตอร์ที่บ้าน อาจจะยกเลิก บริการ Broadband มาแชร์ผ่าน มือถือแทน
บริษัทมือถือคงจะลงทุนกันใหญ่ แต่ตอนนี้ทั้ง 3 รายใหญ่ ก็เปิดให้ใช้งานกันบ้างแล้ว เราก็ต้องมาดูว่ารายไหน ที่ลูกค้าพร้อมจะโดด เข้ามาใช้จ่ายในแบบ data
การลงทุนหุ้นมีหลายปัจจัย แต่ที่เห็นชัด คือลูกค้าใครที่ยังไม่ใช้ แล้ว บริษัทสามารถ ให้เปลี่ยนมาใช้ ดาต้า ได้เยอะ รายนั้นคงมีกำไร เพิ่มขึ้น เป็นกรอบเป็นกำ
เช่นเดียวกับ ตัวเครื่อง ลูกค้าคงจะเริ่มเปลี่ยนใหม่ ลูกหลาน คงซื้อ iphone samsung ไปฝาก ญาติ ผู้ใหญ่ เหมือนตอน ค่าบริการ ลดลง ค่าเครื่อง ก็ถูกตาม สัญญาณครอบคลุม
Advanc น่าจะได้จะได้ประโยชน์สูงสุด ในมุมที่ฐานลูกค้าเยอะ
Dtac น่าจะได้ประโยชน์
True ราคาหุ้น เป็นหุ้นต่ำกว่า 5 บาท จะไม่สนใจก็ไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นม้านอกสายตาได้

สรุป
ต้องเข้าทำการศึกษาข้อมูล ให้มากที่สุดว่า ราคาหุ้นจะสะท้อน ต่อ รายไหนมากกว่ากัน รวมถึง เครื่องลูกข่าย แต่คอนนี้ราคา Advanc เริ่มเดินทางแล้ว รวมทั้ง dtac และ true ขอยืมคำของ ดร.นิเวศน์ และ Steve job , Stay clam stay invest,,Stay follis stay hungry

Friday, March 30, 2012

หุ้น ในแบบของ Joe Back

ขอเตือนนะครับนี่คือความคิดส่วนตัว
1. ผมพบว่าตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าจะขึ้น
2. ตลาดหุ้นเวลาใจดี ก็ดีใจหาย แต่เวลาร้าย ก็ตัวใครตัวมัน
3. เวลาซื้อ หาเหตุผลมารองรับว่าดี. ตอนขายลืมเหตุผลตอนซื้อ
4. ซื้อแล้วไม่มีจุดหมาย พอหุ้นขึ้นคุยโว พอลงขายเลย แล้วบอกว่า Cut loss. วันรุ่งขึ้นพุงกระชูด
5. คิดมาเอง เตรียมตัวมาอย่างดี เจอคนอื่น พูดอีกแบบ หยุดเลย
การลงทุนมีความเสี่ยง เราต้องเตรียมการด้านจิตวิทยาด้วย เพราะเงินลงทุนจะน้อย จะมาก เวลาขาดทุนก็คือเงินเรา และยิ่งเป็นการลงทุนในหุ้น เราจะค่อยข้างสับสน เพราะมีสิ่งที่เราไม่รู้เยอะ
เราจำเป็นต้องทำแผนของหุ้นรายตัวไว้ เพราะหุ้นแต่ละตัว มีชีวิตไม่เหมือนกัน ตอนเรียน ก่อนสอบวิชาไหน เรายังต้องช๊อดโน็ตไว้อ่าน หุ้นแต่ตัวก็ต้องมี ช๊อดโน๊ต เพราะหุ้น แต่ตัวมีความต้านทาน แต่ละเหตุการณ์ ไม่เท่ากัน ผลกระทบก็ไม่เท่ากัน ปรมาจารย์ ของผม ดร.นิเวศน์ จึงแนะนำให้มอง ภาพใหญ่ ให้ชัด เพราะถ้าภาพใหญ่ชัด เราจะเข้าใจผลกระทบกับหุ้น รายตัว และจัดการรายตัวอย่างเหมาะสม แทนที่จะเทซื้อที เทขายที(ความเห็นผู้เขียน)
การใช้การตัดสินใจเดียว แล้วจัดการกับหุ้นทุกตัวเราก็จะเจอ."ถือของเน่า ขายของดี"

Friday, March 23, 2012

4 ขีด 100

กลับมาแล้วน้ำหนัก สงสัยจะรวยยาก ขนาดห้ามปาก ยังห้ามไม่ได้ แล้วจะเก็บตังค์ได้อย่างไร รู้ทุกอย่างแต่ทำไม่ได้ การลดน้ำหนัก ก่อนหน้านี้ ง่ายมากแค่หาแรงบันดาลใจ เจ๋งๆ แล้วก็หลงอยู่กับแรงบันดาลใจนั๊น แค่นี้ก็ผอมได้ แต่มันไม่ยั้งยืน เดี๋ยวก็เด้งไปเด้ง มา แต่ก็เป็นสิ่งที่ได้ผล แต่บังเอิญ มุขนี้เคยใช้แล้ว สุดท้าย ก็อ้วน
ผมเลยต้องหาวิธีการใหม่ ความท้าทายใหม ซึ่งนั่นก็คือ ลดน้ำหนัก พร้อมกับเพิ่มเงินออม หลงมัน สองอย่างพร้อมกันเลย แล้วจะทำงัยละ ผมสังเกตุตัวเองว่า เวลาเรา กังวล เครียด หรือคิดอะไรไม่ออก พอเจอของกิน จะเกิดอาการ เบรกตาก ตอนซื้อจะซื้อไม่หยุดเต็มไม้เต็มมือ พอกินก็ 2 3 จาน แล้ว ตอนซื้อให้ SIRI ช่วยจดโน๊ตให้ ทิ้งเงินไปเยอะเลย
วิธีลดน้ำหนักคือไม่เครียด พอไม่เครียดก็ทาน น้อย ซื้อน้อย เงินก็เหลือ