Friday, July 8, 2011

ล้างหนี้ Clear Debt $$$ 1

สิ่งแรกเลยครับ สำหรับการเป็นเศรษฐี

   ล้างหนี้บัตรเครดิต ตัวร้ายเลยคับ บัตรพลาสติก ผมถือบัตรอยู่  7 ใบ แต่ละใบ วงเงินรวมกันก็ 6 แสนหน่อยๆ แต่เต็ม ทุกใบนะครับ สำหรับใครที่มีสถานการณ์เดี๋ยวกัน ก็มาติดตามกันนะครับ ว่า จะรอด ได้อย่างไร รู้อย่างเดียวว่า หนักหนาแสนสาหัส คับ ผมไม่คิดอะไรแล้วครับ มี 2 เลือก  คือ สู้ หรือจะยอมแพ้  ผมมานั่งคิดว่า ไม่น่าเชื่อว่า แค่บัตรพลาสติก 7 ใบ กับความไม่มีวินัยทางการเงิน จะทำให้ชีวิต เจอทางตัน  มืด สุดๆ ถ้าเลือกทางยอมแพ้ ก็จะกายเป็น บุคคล ล้มละลาย ทางการเงิน แต่ตอนนี้ของเลือก ทางสู้ก่อน เพราะ อ่านตำรามาเยอะ แต่ไม่เคยทำ แต่คราวนี้จะทำแล้วครับ

ความผิดพลาดทุกอย่างเกิดจากตัวเราทั้งนั้น ครับ ความใจอ่อน ความประมาท แล้วเราจะเริ่มยังไงดี ผมก็เริ่มนำความรู้จากการอ่านมาเริ่ม ทำ

1.     งดใช้บัตรเครดิต ไม่ว่าจะกรณีใด

2.     ตามหาค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ไม่จำเป็น  ค่า Package โทรศัพท์ มือถือ ผมพบว่าผมมีเบอร์ มือถือ อยู่ 4 เบอร์ แต่ใช้จริง แค่ 2 เบอร์  ผมเลยจัดการไปยกเลิกเลย ครับ การยกเลิกกับการเปิดเบอร์ นี่ ช่าง แตกต่างเลยนะครับ เพราะตอนปิด เราต้องไปที่ บริษัทจริง ตัวแทนไม่ได้ Shop ไม่ได้ ต้องมีความตั้งใจ เลยนะครับ ขอ บอก หลัง จาก ยกเลิก ผม ประหยัด ไป พันบาทต่อเดือน ไม่พอครับ ต้อง ปรับ Package ลงให้มากที่สุด สรุปจาก ดารทำครั้งนี้ ผมได้ เงิน คืนมาเดือนละ พันห้า หนึ่งปี ก็ หมื่นแปด ครับ  

3.     เปิดบัญชีเงิน ฝากประจำเลยครับ จากการประหยัด ค่ามือถือ เดือนละ พันห้า ผมก็ไปเปิดบัญชี ฝากประจำทุกเดือน เดือน ละ พันห้า โดยให้หัก ผ่านบัญชี เงินฝาก ที่รับเงินเดือน มา (ข้อนี้ทำตามตำราเลยครับ Pay yourself first) เพราะ อะไร คับ เพราะ เก็บไว้ สำหรับฉุกเฉิน คับ  คิดดูคับชีวิต น่าโดนลงโทษไหม เพราะ มีเงิน ฝาก เดือนละ พันห้า เอง เองหลังจากทำมาได้ สักพัก เริ่ม รู้สึก ภูมิใจ และสนุกกับการได้ทำ อันนี้ ต้องลองทำครับ อธิบายไม่ได้ ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง

 

จากนั้น เราก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำงานให้ดี ขยันให้มาก เงินเดือนจะได้ขึ้น ตอนนี้ทำได้ดีที่สุด คือ ตาดูดาว เท้าติดดิน  แล้วก็เริ่ม ส่งหนี้ ให้เค้า ข้อคิดที่ผมได้ คือ "หนี้ เป็นสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง เกือบ 100%"  เมื่อก่อนไม่กลัว เพราะเหมือนมันไกลตัว แต่ พอ เจอสถานการณ์ จวนตัว คราวนี้ ไม่กลัว ก็คง ต้อง ไม่รอดแน่  ….ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แค่ คิดก็ไม่อยากคิดแล้วครับ

 

No comments: