Saturday, July 12, 2014

ทำแผนการลงทุน ..PTTEP

  ผมจะเริ่มนำความรู้ จากการอ่านและการฟังจากผู้เชี่ยวชาญ ในด้านต่างๆ มารวบรวมเป็น แนวทางของผมเอง.. เพื่อจะใช้เป็นแนวทางในการลงทุน  การลงทุนเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ณ.ขณะใดขณะหนึ่งอาจเป็นด้านที่ 1 เมื่อเวลาเปลี่ยน อาจจะเป็นด้านที่ 2 การลงทุนเป็นอะไรที่ค่อยข้างสับสน เพราะข้อมูล เยอะ คนก็รู้เยอะ พูดเยอะ คนฟังเลยอาจจะสับสน .. การลงทุนผมเห็นด้วยกับการลงทุนระยะยาว เพราะสุดท้ายการลงทุนระยะยาวเป็นคำตอบที่มั่นคง ที่สุด จากประสบการณ์โดยตรง เจ็บมาเยอะครับ.. กับการ เข้าออกตามอารมณ์
  เพราะฉะนั้น เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้ ภาวะจิตใจมีผลกระทบน้อบที่สุดต่อการลงทุน ซื้อแล้วไม่ต้องดู ..รอถึงวัน ที่ Target ไว้ แล้วค่อยดู ยกเว้นจะมีเหตุการณ์ อะไรมากระทบกับ หุ้นที่เราถือจริงๆๆ หรือ.. ฝึกใจไประหว่างดู ผมว่าการทำที่สุด...ด้านใด ด้านหนึ่ง เป็นการแก้ไข ชั่วคราว การแก้ไขให้ได้ผลจริง ควรจะค่อยเป็นค่อยไป ฝึกแก้ไขไป จะดีกว่า ชีวิตไม่มีอะไร 100% แต่เราทำได้ 90% ก็สุดยอดแล้ว ...
 วิธีการลงทุนของผม เป็นการลงทุนแบบผสม ด้านปัจจัยพื้นฐาน และ เทคนิค โดยมีการเก็งกำไร มาเป็นส่วนประกอบ เพราะผมนำเงินที่มีต้นทุนทางการเงิน มาใช้ลงทุน . ผมจะใช้รอบการประกาศผลประกอบการ กับ การจ่ายเงินปันผลมาใช้ในการสร้างจังหวะ ในการลงทุน โดยตอนนี้ ผมมี หุ้น อยู่ใน List PTTEP  SCC  ADVANC  ASP สนในใจมากที่สุด PTTEP

แผนการลงทุน
   Time Fame: 14 July - 31 July 2014
    E(r)= 3.5%  มากกว่าเงินฝาก แต่ความเสี่ยงมหาศาล ชดเชยด้วยเวลา ครับ 15 วัน โดยประมาณ
    Why to Buy:
       1. คาดการณ์ (เดา) ผลประกอบการณ์แข็งแกร่ง
       2. คาดการณ์ (เดา) เงินปันผล 3 บาท ...
       3. สัญญาณทางเทคนิค Week กำลังจะเหนือน้ำ
   Risk:
      1. ปัจจัยจากต่างประเทศ ...
      2. นโยบายการปฎิรูปพลังงาน...
   Value = P/E 13  SET PE=18

   สำหรับการลงทุน ยังใช้ Calendar Projection .. ดูจากกราฟ Week MACD กำลังจะพ้นน้ำ จึงเป็นจุดที่น่าเข้าลงทุน ประกอบกับ ปริมาณการซื้อขายปกติ แต่ราคาไม่ค่อยขยับ ,,, หลายสำนัก คาดการณ์ ผลประกอบการณ์ของ PTTEP จะออกมาดี ใน Q2 ... จึงเป็นเหตุผลที่ เข้าเป็นเจ้าของ... ปัจจัยเสี่ยง คือ นโยบายการปฎิรูป พลังงานของชาติ...แต่ไม่ว่าจะขายออก หรือซื้อเข้า เจ้าของคงได้ประโยชน์..เพราะไม่ได้ ยึดคืน.. ซื้อแล้วต้องดู...
  (การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน)








No comments: